การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอผลงาน
หลักการนำเสนอผลงาน
ในหน่วยงานการเรียนรู้ก่อนๆ ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานรูปแบบต่างๆ มาบ้างแล้ว การสร้างผลงานที่ดีนั้นต้องอาศัยความรู้และทักษะตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการสะสมประสบการณ์จากการที่ได้พบเห็นจากตัวอย่างในหน่วยการเรียนรู้นี้ จะกล่าวจากการนำเสนอผลงานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่หาได้ทั่วไป การนำเสนอผลงานมีวัตถุประสงค์คือ
1. ให้ผู้ชมเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอ
2. ให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อถือในผลงานที่นำเสนอ
การนำเสนอผลงานโดยใช้สื่อโสตทัศนศึกษานั้น มีเหตุผลเบื้องลึกคือ ทั้งตาและหูพร้อมกันนั้นทำให้เกิดการรับรู้ที่ดีกว่า รวมทั้งเกิดความสามารถในการจดจำได้มากกว่าการรับโดยผ่านตาหรือหูอย่างใด อย่างหนึ่งเพี่ยงอย่างเดียว จึงได้มีการพัฒนาสื่อโสตทัศนศึกษารูปแบบต่างๆ ขึ้นมาใช้ในงาน
หลักการขั้นพื้นฐานของการนำเสนอผลงานมีจุดเน้นที่สำคัญคือ
1.1 การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมีความสบายตาสบายใจเมื่อมอง ดังนั้นการเลือกองค์ประกอบต่างๆ เช่น สีพื้น แบบสี และขนาดของตัวอักษร รูปประกอบ ฯลฯ ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้
1.2 ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน แต่ส่วนที่เป็นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมผัสอย่างสร้างสรรค์กับข้อความที่ต้อง การสื่อความหมาย การใช้ภาพประกอบมีประโยชน์มากดังคำพังเพยภาษาอังกฤษที่ว่า "A picture is worth a words" หรือ "ภาพภาพหนึ้งที่มีค่าเทียมเท่าคำพูดหนึ่งพันคำ" แต่ประโยคนี้คงไม่เป็นความจริงหากภาพนั้นไม่มีความสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ กับความหมายที่ต้องการสื่อ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ภาพใดประกอบ จึงควรตอบคำถามให้ได้เสียก่อนว่าต้องการใช้ภาพเพื่อสื่อความหมายอะไร และภาพที่จะเลือกมาน้ันสามารถทำหน้าที่สื่อความหมายเช่นนั้นจริงหรือไม่
1.3 ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การสร้างจุดเน้นต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น กลุ่มเบ้าหมายเป็นเด็กการใช้สีสดๆ และภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม แต่ถ้าเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นำเสนอเป็นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจ การใช้สีสันมากเกินไปและการใช้รูปการ์ตูน อาจจะทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือเพราะขาดภาพลักษณ์ของการเอาจริงเอาจังไป
เครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอผลงาน
ก่อนยุคคอมพิวเตอร์ การนำเสนอผลงานในที่ประชุมสัมมนามักจะใช้เครื่องมือสองอย่างคือ เครื่องฉายสไลด์ (Slide projector) และเครื่องฉายแผ่นใส การใช้เครื่องฉายสไลด์ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องใช้กล้องถ่ายรูปใส่ฟิล์มพิเศษที่ล้างออกมาแล้วเป็นภาพสำหรับฉายโดย เฉพาะ และต้องนำฟิล์มนั้นมาตัดใส่กรอบพิเศษจึงจะนำเข้าเครื่องฉายได้ ข้อดีของการฉายสไลด์คือ ได้ภาพที่สวยงามและชัดเจน แต่ข้อเสียคือ ต้องฉายในห้องที่มืดมาก เครื่องฉายแผ่นใสเป็นเครื่องที่ใช้งานทั่วไปได้มากกว่าทแผ่นใสที่ใช้ตาม ปรกติมีขนาดประมาณ 8 นิ้วคูณ 10นิ้ว มีสองแบบคือแบบใชัปากกา (พิเศษ) เขียน กับแบบที่ใช้เครื่องถ่ายเอกสาร แผ่นใสแบบใช้กับเครื่องถ่ายเอกสารใช้เขียนได้แต่แบบเขียนใช้กับเครื่องถ่าย เอกสารไม่ได้เพราะแผ่นใสจะละลายติดเครื่องถ่ายเอกสารทำให้เครื่องเสียเวลา ซื่อแผ่นใสจึงต้องใช้ความระมัดระวังดูให้ดีว่าเป็นชนิดกับความต้องการหรือ ไม่ การฉายแผ่นใสสามารถทำได้ในห้องที่ไม่ต้องมืดมาก
เมื่อมาถึงยุคคอมพิวเตอร์ เครื่องมือที่ใช้นำเสนอผลงานก็เปลี่ยนไป เครื่องมือหลักคือเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องฉายภาพจากคอมพิวเตอร์ (Data projector)เครื่องฉายภาพคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆ มีขนาดใหญ่ต้องติดตั้งประจำที่ ข้างในมีหลอดภาพ 3 หลอด ทำให้เกิดภาพแต่ละสีฉายผ่านเลนส์ออกมาปรากฏภาพบนหน้าจอ ความคมชัดยังไม่ดีนักและความสว่างของภาพก็ไม่มากพอ ทำให้ต้องฉายในห้องที่ค่อนข้างมืด เครื่องฉายรุ่นใหม่ได้แก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้ได้หมดแล้ว โดยใช้แผ่นผลึกเหลว หรือ LCD เป็นต้วสร้างภาพ ทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลงมาจนสามารถพกพาได้ อีกทั้งความสว่างและความคมชัดก็ดีขึ้นมากจนสามารถฉายในห้องที่มีแสงสว่าง ปานกลางได้
ส่วนที่ขาดมิได้ในการนำเสนอผลงานคือ คำบรรยายหรือบทพากย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบด้านโสตหรือเสียงนั่นเอง ข้อพิจารณาในเรื่องนี้ มีดังต่อไปนี้
1. การบรรยายสด เหมาะสำหรับประชุมหรือสัมมนาที่ต้องการให้ผู้ชมมีส่วนร่วมเพราะผู้บรรยายใน กรณีนี้เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาเป็นอย่างดี รู้ว่าควรจะเน้นตรงจุดใดและปฏิกิริยาจากผู้ชมสามารถติดตามความเข้าใจได้ เพียงพอหรือไม่รู้ว่าส่วนไหนต้องอธิบายขยายความมากน้อยเพียงใด
2. การพากย์ เหมาะสำหรับเนื้อหาที่สามารถถ่ายทอดได้โดยไม่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ ชมข้อดีคือสามารถเลือกใช้เสียงพากย์ที่มีความไพเราะน่าฟัง สามารถเลือกใช้ดนตรีหรือเสียงประกอบ เพื่อสร้างบรรยากาศแต่ข้อเสียคือ ไม่มีความยือหยุ่นไม่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความรู้สึกของผู้ชมในขณะนั้น (เช่นดนตรีแบ็กกราวด์ช้าๆ เย็นๆ อาจเหมาะกับท้องเรื่อง แต่บังเอิญต้องนำเสนอช่วงหลังอาหารกลางวัน ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกง่วงนอน)
รูปแบบการนำเสนอผลงาน
ในหัวข้อนี้ จะกล่าวถึงรูปแบบการนำเสนอผลงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ รูปแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี 2 รูปแบบ
1. การนำเสนอแบบ Slide presentation
1.1 โดยใช้โปรแกรม Power point
เป็นโปรแกรมนำเสนอผลงานใจชุด Microsoft
Office เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายมากมีแม่แบบ (Template) ให้เลือกใช้หลายแบบ องค์ประกอบหลักของแต่ละหน้าของการนำเสนอคือ หัวข้อ (Little) กับส่วนเนิ้อหาหลัก (Body text) เนื้อหาหลักมักจะถูกนำเสนอในแบบของ Bull
point คือการใช้เครื่องหมายพิเศษนำหน้าข้อความที่สั้นกะทัดรัด
แต่ได้ใจความมีการจัดลำดับความสำคัญของข้อความโดยการย่อหน้า
นอกจากข้อความแล้วอาจใช้ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และอาจมีการแต่งแต้มสีสันทั้งสีพื้น สีของตัวอักษร และรูปแบบฟอร์มของตัวอักษรได้ด้วย
นอกจากข้อความแล้วอาจใช้ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และอาจมีการแต่งแต้มสีสันทั้งสีพื้น สีของตัวอักษร และรูปแบบฟอร์มของตัวอักษรได้ด้วย
การนำเสนอในรูปแบบ Presentation โดยใช้โปรแกรม Power point นี้ สามารถทำให้มีลักษณะของการเชื่อมโยงคล้ายไฮเปอร์แทกซ์ ของ Web page ได้ทั้งนี้ โดยใช้การเชื่อมโยงหลายมิติที่มีอยู่ในชุดโปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ
1.2 โดยใช้โปรแกรม ProShow
Gold
โปรแกรม Proshow Gold คือ
โปรแกรมสำหรับเรียงลำดับภาพเพื่อนำเสนอแบบมัลติมีเดีย
ที่มีความสามารถสร้างผลงานได้ในระดับมืออาชีพ ด้วยเทคนิคพิเศษมากมาย ใช้งานง่าย
เหมาะสมต่อการนำเสนอสื่อ การเรียนการสอน การแนะนำอัตชีวประวัติ
สามารถเขียนชิ้นงานออกมาในรูปแบบของวีซีดีได้อย่างรวดเร็ว เป็นโปรแกรมที่ช่วยสร้างแผ่นวีซีดีจากรูปภาพต่าง
ๆ ที่ทำงานได้รวดเร็ว โดยสามารถทำการใส่เสียงเพลงประกอบได้ด้วย
และสามารถแปลงไฟล์เป็นไฟล์ต่าง ๆ ได้ เช่น VCD ,DVD หรือ EXE ฯลฯ ภาพที่ได้จัดอยู่ในคุณภาพดี
ซึ่งโปรแกรมอื่นจะใช้เวลาในการทำงานนานพอสมควร
การเตรียมข้อมูลของภาพและเพลงต่าง ๆ ก่อนที่จะเริ่มติดตั้งและใช้งาน
1. ProShow
Gold เป็นซอฟต์แวร์สําหรับสร้างแผ่น VCDจากรูปภาพต่าง ๆ ที่ทํางานได้รวดเร็วหลายคนคงจะมีไฟล์รูปภาพต่าง ๆ
เก็บสะสมไว้และเมื่อต้องการที่จะนําเอาภาพเหล่านั้นมา แปลงให้อยู่ในรูปแบบของแผ่นVCDที่สามารถนําเอาไปใช้เป็นกับเครื่องเล่นVCDทั่วไปได้ProShow
Gold เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถนําเอาภาพมาทําเป็นแผ่น VCDโดยที่สามารถทําการแปลงได้อย่างรวดเร็วและยังใส่เสียงเพลงประกอบได้ด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ซอฟต์แวร์สําหรับการทําแผ่นVCDจากรูปภาพจะมีหลายตัว
แต่ที่แนะนํา ProShowเนื่องจากเหตุผลหลักคือการใช้เวลาทําการแปลงที่รวดเร็วมาก
ปกติถ้าเป็นซอฟต์แวร์ตัวอื่นจะใน เวลาหลายชั่วโมง แต่ตัว ProShow นี้ใช้เวลาแปลง ไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จแล้วภาพที่ได้ก็จัดอยู่ใน คุณภาพดี
โดยข้อเสียที่พบในตัวโปรแกรมนี้คือค่อนข้างจะมีความยุ่งยาก
ในขั้นตอนของการใช้งานบ้างแต่ก็ไม่มากมาย
1.1 การเตรียมข้อมูลของภาพและเพลงต่าง ๆก่อนที่จะเริ่มและใช้งานจะต้องมี คือ
ไฟล์รูปภาพต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นไฟล์.jpg ก็ได้และไฟล์ของเพลงที่จะนํามา
ใส่ประกอบ ซึ่งจะใช้เพลงแบบMP3ทั่วไปก็ได้
เมื่อเตรียมไฟล์ต่าง ๆ พร้อมแล้ว ก็เริ่มต้นขั้นตอนการสร้างงาน
การใช้งาน
โปรแกรม ProShow
Gold มีขั้นตอนดังนี้
1.เริ่มที่ Main Menu เป็นตัวเมนูหลักสําหรับควบคุมและทํางานของโปรแกรม
2.การเข้าสู่โปรแกรมเราสามารถ คลิกที่ Icon บน Desktopเพื่อเข้าใช้งานโปรแกรมได้
3.หน้าจอจะแสดงการเข้าสู่โปรแกรม
4.เมื่อเข้าสู่โปรแกรมครั้งแรกโปรแกรมจะให้ใส่ Activate
Registration จากนั้นเราก็กดที่ปุ่ม Activate
Registration
การแทรกภาพในชิ้นงาน ProShow Gold มีขั้นตอนดังนี้
1. สามารถเลือกที่อยู่ของไฟล์ต่างๆที่จะนำมาใช้ในชิ้นงานของได้โดยไปที่ Folders
List ด้านซ้ายมือเพื่อเลือกตำแหน่งที่อยู่ของไฟล์งานเมื่อได้ตำแหน่งที่ต้องการแล้วให้เลือกข้อมูลที่ต้องการโดยลากไฟล์งานเข้ามาไว้ในไลด์บนหน้าจอ
3.เมื่อได้ตำแหน่งที่ต้องการแล้ว การใส่ข้อความในสไลด์
ซึ่งจะได้ข้อความตามที่ต้องการ ในครั้งนี้สามารถ ใส่เสียง,ใส่ Effects ในรูปแบบที่ต้องการ
สุดท้าย
ในการเปลี่ยนเวลาในสไลด์ แต่ละช่วงเวลาที่ต้องการ สามารถแก้ไขได้
รวมถึงการเขียนชิ้นงานลงแผ่นซีดี ได้เลย ซึ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบของ vcd ได้สมบูรณ์ในการทำงาน
1.3 โปรแกรม Flip
Album
โปรแกรม Flip Album 6 Pro เป็นโปรแกรมลักษณะของโปรแกรมสำเร็จรูป
โดยโปรแกรมชุด FilpAlbum เป็นโปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book ซึ่ง อีบุ๊ค” (eBook, EBook, e-Book) เป็นคำภาษาต่างประเทศ
ย่อมาจากคำว่า electronic book หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจัดทำขึ้นด้วย
ระบบคอมพิวเตอร์ หรือ
หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และ
สามารถอ่านได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์เหมือนเปิดอ่านจากหนังสือโดยตรงที่เป็นกระดาษ
แต่ไม่มีการเข้าเล่ม เหมือนหนังสือที่เป็นกระดาษ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
มีความสามารถมากมายคือ มีการเชื่อมโยง (Link) กับ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มอื่นๆ ได้ เพราะอยู่บนเครือข่ายwww และมีบราวเซอร์ที่ทำหน้าที่ดึงข้อมูลมาแสดงให้ตามที่ต้องการเหมือนการเล่นอินเทอร์เน็ตทั่วไป
เพียงแต่เป็นระบบหนังสือบนเครือข่ายเท่านั้น
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแสดงข้อความ รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และ แบบทดสอบ
และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้
อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา
ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป เราสามารถอ่านหนังสือ
ค้นหาข้อมูล และสอบถามข้อมูลต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก
ได้จากอินเทอร์เน็ต จากคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นแฟ้มข้อมูล ประเภทข้อความ(Text File) ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักของภาษา HTML (Hyper Text Markup
Language) ที่ใช้เขียนโปรแกรมผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบันมี 2 ประเภทคือ
ซอฟต์แวร์สำหรับการเขียนข้อมูลให้ออกมาเป็น E-Bookและ
ซอฟต์แวร์สำหรับการอ่านมีอยู่หลายโปรแกรม แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ได้แก่
1. โปรแกรมชุด FilpAlbum
2. โปรแกรม DeskTop Author
3. โปรแกรม Flip Flash Album
ชุดโปรแกรมทั้ง 3 จะต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับอ่าน e-Book ด้วย มิฉะนั้นแล้วจะเปิดเอกสารไม่ได้ ประกอบด้วย
1.1 โปรแกรมชุด FlipAlbum ตัวอ่านคือ FilpViewer
1.2 โปรแกรมชุด DeskTop Author ตัวอ่านคือ DNL
Reader
1.3 โปรแกรมชุด Flip Flash Album ตัวอ่านคือ Flash
Player
ลักษณะไฟล์ของ Electronic Book
HTML เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดงานประเภทนี้จะมีนามสกุลของไฟล์หลายๆ
แบบเช่น .htmหรือ .html เป็นต้น
สาเหตุหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุดนั้นมาจากบราวเซอร์สำหรับเข้าชมเว็บต่าง ๆ เช่น Internet
Explorer หรือ Netscape Communication ที่ใช้กันทั่วโลกสามารถอ่านไฟล์ HTML ได้
สำหรับไฟล์ XML ก็มีลักษณะเดียวกับไฟล์ HTML นั่นเอง
PDF
Portable หรือ Document Format ถูกพัฒนาโดยAdobe System Inc เพื่อจัดการเอกสารให้อยู่ใน
รูปแบบที่เหมือนเอกสารพร้อมพิมพ์
ไฟล์ประเภทนี้สามารถอ่านได้โดยระบบปฏิบัติการจํานวนมากและรวมถึง อุปกรณ์ E-Book
Reader ของ Adobe ด้วย
PML พัฒนาโดย Peanut Press เพื่อใช้สําหรับสร้างE-Books โดยเฉพาะอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่ สนับสนุนไฟล์ประเภท PML นี้จะสนับสนุนไฟล์นามสกุล .PDF ด้วย (หมายเหตุ
ข้อมูลจาก www.j-joy.co.th)
วิธีการที่ใช้กับการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book)ด้วยโปรแกรมในตระกูล Flip Album
1. เตรียมความพร้อมเพื่อการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2.ทำความรู้จักกับโปรแกรม Flip Album 6 Pro ผู้ใช้งานจะต้องติดตั้งตัวโปรแกรม (install) ลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่ใช้งานอาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะส่วนบุคคล (Personal Computer) หรือเครื่องพกพาแบบโน๊ตบุ๊ค (Note Book) ก็ได้ ขณะปฏิบัติการงานสร้างนั้น
คอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อระบบเครือข่ายก็ได้
3. การติดตั้งโปรแกรม Flip Album 6 Pro
4. การเข้าสู่โปรแกรม Flip Album 6 Pro การเข้าสู่โปรแกรมมีวิธีการหลัก 2 วิธี
คือ 1.) เข้าโดย Dubble Click
ที่รูปภาพหนังสือสีแดง บนหน้า Desktop หรือ 2.)เข้าโดย Click ที่ปุ่ม Start/Program/E-Book
Sytems/FlipAlbum 6 Pro/FlipAlbum Pro
5.การสร้างสรรค์งานโปรแกรม Flip Album 6 Pro ซึ่งสามารถมีการเพิ่มหน้าหนังสือแบบอัตโนมัติ
6. การนำเข้าข้อมูลจากภาพกราฟิค (Digital Pictures)การนำเข้าข้อความมาจัดพิมพ์ใส่ในหนังสือ
รวมถึงการนำเข้าข้อความจาก Microsoft Word และ PowerPoint มาสร้าง e-book
7. การนำไฟล์ PDF มาสร้าง e-book การตกแต่งหนังสือ (Set Book Option) การแทรกภาพนิ่ง
(Insert Clip Art)การจัดทำไฟล์วีดิทัศน์ (Video)
รูปแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) Computer Assisted Instruction
CAI คือ โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่มีหน้าที่เป็นสื่อการเรียนการสอนเหมือนแผ่นใส (Transparent) สไลด์ (Slide) หรือวีดีทัศน์ (Video) ที่ ใช้ประกอบการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายในเวลาอันจำกัด และตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียนนั้น ๆ แต่เนื่องจากโปรแกรมเรียนคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ได้ครบทุกสื่อในเวลาเดียวและ ควบคุมการนำเสนอได้ด้วยตัวเอง เรียกว่า “ สื่ออเนกทัศน์” หรือ “ มัลติมีเดีย” (Multimedia)ทำให้ประหยัดและมีประสิทธิภาพสรุปได้ว่า CAI คือ
- เป็นสื่อการเรียนการสอน ช่วยผู้สอนทำการสอน
- เนื้อหาในโปรแกรมจะเป็นหน่วย ๆ ตามบทเรียนนั้น ๆ
- ผู้เรียนสามารถนำไปทบทวนเนื้อหา ศึกษาด้วยตนเอง
- ผู้สอนผู้สอน หรือผู้มีประสบการณ์ในเนื้อหาวิชานั้น ๆ จะทำได้ดีที่สุด
· การใช้โปรแกรม Author ware
· การใช้ ระบบจัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์Moodle
สรุปสาระสำคัญ
การ นำเสนองานมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอ และให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อถือในผลงานที่นำเสนอ การใช้สื่อ โสตทัศนศึกษาช่วยให้เกิดการรับรู้ช่วยให้เกิดการรับรู้ที่ดีขึ้น รวมทั้งช่วยให้จดจำเนื้อหาได้มากขึ้น ทั้งนี้ หลักการขั้นพื้นฐานของการนำเสนอผลงานมีจุดเน้นสำคัญคือ การดึงดูดความสนใจ ความชัดเจนและเสียงประกอบที่เหมาะสมด้วย
เครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอผลงานนั้น แต่เดิมมักใช้เครื่องฉายสไลด์และเครื่องฉายแผ่นใสเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันนี้นิยมใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องฉายภาพแอลซีดี รูปแบบการนำเสนอที่ยังนิยมใช้กันมากคือ การนำเสนอแบบ Slide Presentation โดยใช้โปรแกรมPowerPoint แต่มีแนวโน้มว่าการนำเสนอแบบ Web Pageอาจเข้ามาแทนที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น